Priligy 30 mg พริลิจี (ดาพ็อกซิไทน์) เป็นยาที่ใช้รักษาอาการหลั่งเร็วของผู้ชาย

"โปรดระวังของปลอม หรือของลอกเลียนแบบที่ราคถูกเกินจริง อันตรายถึงชีวิต"

พริลิจี (ดาพ็อกซิไทน์) เป็นยาที่ใช้รักษาอาการหลั่งเร็วของผู้ชาย การหลั่งเร็ว เสร็จเร็วหรือแตกเร็วเกิน คือการ ที่ผู้ชายหลั่งอสุจิขณะมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่ตนเองหรือคู่นอนต้องการ เพิ่งทำไปแปปเดียวเสร็จซะแล้ว ซึ่งยาพริลิจี (ดาพ็อกซิไทน์) จะเพิ่มปริมาณเซโรโทนินในสมองเพื่อชะลอการหลั่งออกไป ยานี้เป็นยาแบบรับประทาน โดย ทั่วไปยาแก้อาการหลั่งเร็วควรกินก่อน 1-3 ชั่วโมงก่อนมีกิจกรรมทางเพศ

พริสิจี (Priligy) มีสารออกฤทธิ์คือ ดาพ็อกซิไทน์ ไฮโดรคลอไรด์ (dapoxetine hydrochloride) ซึ่งเป็นยาประเภทที่เรียกว่า SSRI (selective serotonin reuptake inhibitor) ยากลุ่มนี้จะเพิ่มระดับเซโรโทนิน คือสารเคมีในสมองที่ช่วยจัดการอารมณ์และควบคุมการหลั่ง เลยถูกนำมาใช้รักษาอาการหลั่งเร็ว แตกเร็วในเพศชายนั้นเอง

ยาแก้หลั่งเร็ว พริลิจี(Priligy) มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ผลข้างเคียงจะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล แต่ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด ได้แก่:
• ปวดศีรษะ
• วิงเวียนศีรษะ
• คลื่นไส้
• ท้องร่วง
• นอนไม่หลับ
• ง่วงซึม
• เมื่อยล้า
• ปาดแห้ง
• ตาพร่ามัว
• หาว
• รู้สึกชา

ถ้าคุณมีผลข้างเคียงดังกล่าวและอาการมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ยอมหายสักที คุณควรติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับคำปรึกษา
อาการที่ค่อนข้างหายาก ได้แก่:
• อาการแพ้ เช่น ลมพิษขึ้น หายใจยากลำบาก และหน้า ปาก ลิ้น หรือคอบวม
• เป็นลม
• ลมชัก
• การมองเห็นผิดปกติ
• ภาวะองคชาตแข็งค้าง (แข็งตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง)
ควรไปพบแพทย์ทันที่หากคุณพบผลข้างเคียงเหล่านี้
**ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่คุณกำลังรับประทานและอาการผิดปกติทางสุขภาพที่มีก่อนจะเริ่มรับประทานพริสิจีแพทย์อาจจ่ายยาแบบผสมพริลิจิ เซียลิส หรือไวอากร้า ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน

วิธีการใช้งานตัวยา Priligy Dapoxetine
ผู้ใหญ่อายุระหว่าง 18-64 ปี ให้รับประทานยาครั้งละ 1 เม็ด หรือ 30 mg ก่อนมีเพศสัมพันธ์ 1-3 ชั่วโมงสามารถทานได้วันละ 1 ครั้ง สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือหลังอาหาร ควรรับประทานยาพร้อมดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วอย่างพอเหมาะ

มีข้อจำกัดการใช้ยาดาพ็อกซิไทน์บางประการที่ควรทราบดังนี้ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือด ผู้ที่ใส่อุปกรณ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจ อย่างเช่น Pacemaker ผู้ที่มีอาการทางจิตประสาท ผู้ป่วยอารมณ์สองขั้ว ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง ผู้ป่วยโรคไตระยะรุนแรง ผู้ป่วยโรคตับที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ด้วยตัวยาดาพ็อกซิไทน์ จะทำให้อาการของโรคดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้น
- ห้ามใช้ยาดาพ็อกซิไทน์ในผู้ป่วยที่เพิ่งหยุดการใช้ยาต้านเศร้าชนิดต่างๆ หรือ ยากลุ่ม SSRIs หรือ SNRIs หรือ MAOIs ควรเว้นระยะเวลาหลังจากหยุดใช้ยากลุ่มดัง กล่าว 14 วันเป็นอย่างต่ำ จึงใช้ยาดาพ็อกซิไทน์
- ห้ามใช้ร่วมกับกลุ่มยาที่มีการออกฤทธิ์เป็น CYP3A4 inhibitors เช่น Ketoconazole , Ritonavir, และ Telithromycin

 กล่องละ 1,590 บาท 1 กล่อง บรรจุ 3 เม็ด
**โปรดอ่านฉลากยาก่อนใช้ยาทุกครั้ง**